เป็นเครื่องเลื่อยที่ใช้ตัดงานนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมธุรกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันและใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากได้ผลตอบรับที่ดี มีความสะดวก รวดเร็วต่อการใช้งานประหยัดเวลามากกว่าการใช้การตัดชิ้นงานด้วยเลื่อยมือหรือเครื่องเลื่อยชักในการผลิตเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถือว่า ต้องลงทุนน้อยที่สุดและให้ผลเร็วที่สุด จึงจะทำให้ผลกำไรมากขึ้น เลื่อยสายพานจึงมีความสำคัญอย่างมาก
สายพานแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ มีกี่ประเภท
สายพานแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ดังนี้
เลื่อยสายพานแนวนอน
เครื่องเลื่อยชนิดนี้สามารถตัดชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ๆมีความเร็วในการตัดสูง และมีความแม่นยำที่สูงกว่า สามารถตัดทั้งเหล็กตัน เหล็กฉาก เหล็กกล่อง หรือแป๊บ มีใบเลื่อยยาวติดต่อกันเป็นวงกลม เหมาะสำหรับตัดวัสดุเตรียมงานเป็นจำนวนมากเช่น ในพัสดุของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตหรือในการสร้างอาคารต่าง ๆ
เลื่อยสายพานแนวตั้ง
เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง เป็นเครื่องเลื่อยที่มีใบเลื่อยเป็นแบบสายพานในแนวตั้ง ซึ่งจะหมุนตัดชิ้นงานอย่างต่อเนื่อง ใช้ตัดงานเบาหรืองานที่สามารถตัดได้ มีความคล่องตัวในการตัดชิ้นงาน ซึ่งจะหมุนตัดชิ้นงานอย่างต่อเนื่องจุดเด่น ใช้ตัดงานเบา ตัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ
เครื่องเลื่อยสามารถแบ่งได้เป็นกี่ชนิดแล้วมีอะไรบ้าง
เครื่องเลื่อยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ
- เครื่องเลื่อยชัก
- เครื่องเลื่อยสายพานนอน
- เครื่องเลื่อยสายพานตั้ง
- เครื่องเลื่อยวงเดือน
ส่วนประกอบของ เลื่อยสายพาน
- โครงเครื่อง (Frame) จะมีน้ำหนักมาก ทำจากเหล็กหล่อหรืออาจจะเป็นเหล็กแผ่น ที่นำมาเชื่อมเป็นโครง สำหรับติดตั้งล้อบนและล้อล่างที่ขับเคลื่อนใบเลื่อยสายพาน นอกจากนี้ตัวเครื่องยังอาจติดตั้งบนฐานเครื่องอีกด้วย
- แท่นเครื่อง (Table) ทำด้วยเหล็กหล่อยึดติดกับโครงเครื่อง เป็นที่สําคัญงานขณะปฏิบัติงาน แท่นเครื่องนี้สามารถปรับเอียงได้ถึง 45 องศา เมื่อต้องการของ ตัดไม้ที่มีมุมเอียง
- ล้อตัวบน (Upper Wheel) ยึดติดกับโครงเครื่องด้านบน ขอบนอกเป็นยางหุ้มเพื่อช่วยให้ใบเลื่อยกระชับไม่ลื่นไถลออกจากล้อ สามารถปรับเลื่อนขึ้นลงได้ เพื่อให้ใบเลื่อย ตึงและเพื่อการเปลี่ยนใบเลื่อย
- ล้อตัวล่าง (Lower Wheel) เป็นตัวขับให้ใบเลื่อยหมุน ซึ่งส่งกำลังมาจากมอเตอร์ ที่ขอบของล้อจะมีแผ่นยางหุ้มโดยรอบ เพื่อไม่ให้ใบเลื่อยลื่นไถลออกจากล้อ
- ที่ป้องกันใบเลื่อย (Blade Guard) ทำด้วยโลหะหรือวัสดุอื่น คลุมใบเลื่อยในแนวดิ่ง ยึดติดกับแกนเลื่อน สามารถปรับเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้
- ชุดประคองใบเลื่อย (Blade Guide) มีส่วนประกอบคือ ล้อหลังใบเลื่อย (Ball Bearing Blade Support) และล้อบังคับข้างใบเลื่อย ชุดประคองใบเลื่อยนี้สามารถเลื่อนขึ้นลงได้แท่งยึด
- ที่ปรับความตึงใบเลื่อย (Blade Tension) สำหรับการปรับใบเลื่อยสายพานให้ตึง ติดตั้งอยู่ใต้โครงล้อบน
- ที่ปรับใบเลื่อยให้อยู่ในแนวการหมุน (Tracking Adjustment) เป็นที่ปรับล้อบน เพื่อให้เอียง คว่ำหรือหงาย สำหรับประคองใบเลื่อยไม่ให้หลุดจากล้อในขณะหมุน
- ครอบล้อบนและล่าง (Upper and Lower Wheel Guard) เป็นฝาครอบ สำหรับล้อบนและล้อล่าง เพื่อป้องกันอันตรายในขณะหมุน
- แท่งยึดชุดประคองใบเลื่อย (Guide Post) ทำด้วยเหล็กแท่งตัน ติดตั้งที่ป้องกันใบเลื่อย และที่ปลายด้านล่างจะติดตั้งชุดประคองใบเลื่อย
- มอเตอร์ (Motor) ติดตั้งอยู่กับโครงเครื่องตรงกับแกนล้อล่าง เป็นตัวขับเคลื่อน ล้อล่างเพื่อให้ใบเลื่อยหมุน
การถอดเปลี่ยน ใบเลื่อยสายพาน
การถอดและเปลี่ยนใบเลื่อยสายพานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระมัดระวัง การปรับส่วน ต่างๆ ให้ถูกต้องเมื่อเปิดเครื่อง ใช้งานจะได้ไม่เกิดอันตรายกับผู้ใช้ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เปิดฝาครอบล้อบนและล่าง นำแผ่นปิดช่องใบเลื่อยออก
- หมุนคลายที่ปรับความตึงของใบเลื่อย (Blade Tension) เพื่อลดล้อบนให้เลื่อนลงทำให้ใบเลื่อยคลายความตึงและหย่อนตัว3. ใช้ทั้งสองมือจับใบเลื่อย และค่อย ๆ ถอดใบเลื่อยออกจากล้อบนและล้อล่าง
- นำใบเลื่อยใบใหม่ที่เตรียมไว้ ใส่เข้าไปในล้อบนและล้อล่างให้ฟันใบเลื่อยชี้ลง ถ้าใบ เลื่อยใบใหม่มีความยาวหรือสั้นกว่าให้ปรับที่ Blade Tension เพื่อเลื่อนล้อบนให้ได้ระยะ
- จัดใบเลื่อยให้อยู่บนขอบวงล้อ และให้อยู่ตรงกับแนวชุดประคองใบเลื่อย
- หมุนปรับความดึงของใบเลื่อย ให้ล้อบนเลื่อนขึ้นเพื่อตึงใบเลื่อย ควรปรับให้ความตึงของใบเลื่อยพอประมาณ ไม่ควรให้ตึงหรือหย่อนเริง
- ใช้มือลองหมุนที่ล้อบนทิศทางตามเข็มนาฬิกา เพื่อตรวจสอบการหมุนของใบเลื่อยว่าอยู่ในแนวขอบล้อ โดยไม่เลื่อนหลุดออกจากล้อ หากใบเลื่อยเคลื่อนที่ไม่อยู่ในตำแหน่งกลางขอบล้อ ก็ให้ปรับ Tracking Adjustment ให้ล้อบนเอียงหงายหรือคว่ำ เพื่อให้ใบเลื่อยเคลื่อนที่อยู่ในตำแหน่งโดยไม่หลุดออกจากวงล้อ
- ปรับเลื่อนแท่งยึดชุดประคองใบเลื่อย (Guide Post) ขึ้น เพื่อให้ชุดประคองใบเลื่อย อยู่สูงกว่าผิวชิ้นงานประมาณ ¼ นิ้ว ถึง ⅜ นิ้ว ขันนอตยึดให้แน่น ใส่แผ่นปิดช่องใบเลื่อย